ตังเก สุดยอดเพลงเพื่อชีวิตของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

เพลงตังเก
พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ
(พ.ศ. 2533 อัลบั้มคนจนรุ่นใหม่)
ฉันเกิด อยู่แดน อีสาน ถิ่นกันดารที่เขา ดูหมิ่น ดูแคลน
จากไกลไปหากินต่างแดน ก็อาลัยแสนเมื่อจำต้องพรากบ้านมา

ร่อนเร่ พเนจรไป เหมือนนกไพรไร้พง พนา
ไม่ได้จับไถ เลยไปจับปลา ไม่ได้ทำนา เลยมากับ เรือ ตังเก

แรกแรก ก็กลัวหลายหลาย ต้องเมามาย คลื่นโอ ละเห่
คิดถึงแม่ ที่เคยไกวเปล โอ้เปลน้อย คือเรือตังเก มีแม่ทะเล กล่อมนอน แรงแรง

แม่ โมโหใครมา หรือเป็นตำรา ให้ลูกแข็งแกร่ง
ลูก ขอปู ขอปลา มากมากเถิดหนา พอเป็น ค่าแรง
ทะเล มันถมไม่เต็ม เหมือนคนใจเค็ม ที่คอยยื้อแย่ง
คนจน ก็ถมไม่เต็ม แต่ใจไม่เค็ม ทำงานเข้มแข็ง
อยากมีเรือสักลำ จะพาคนงามที่คิด จะแต่ง
ลอย ล่อง ลำ นาวา ให้ปลาอิจฉา เวลา คลื่น แรง

ถ้าจะว่าเพลงเพื่อชีวิตกำลังจะตาย ก็ว่าได้แต่ผมว่าควรใช้ว่าเพลงเพื่อชีวิต “กำลังจะกลาย” มากกว่า เนื่องด้วยบุคคลากรที่มีคุณภาพของวงการไม่อาจทานต่อกระแสนิยมในปัจจุบันได้ ทำให้นักแต่งเพลงเก่งๆหลายคนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอจากคำว่าเพื่อชีวิตเป็น”ลูกทุ่งเพื่อชีวิต” อีกทั้งศิลปินเพื่อชีวิตทั้งหลายก็ไม่มีเพลงดีๆให้ได้ฟังกัน ศิลปินรุ่นใหม่ก็ยังไม่เห็น ทำให้ลมหายใจของเพลงเพื่อชีวิตโรยรินลงทุกขณะ คงต้องรอความหวังจากใครสักคนที่มีเพลงดีๆจุดประกายชูธงเพื่อชีวิตให้โชติช่วงอีกครั้งเหมือนที่คาราบาวเคยทำในชุดเมดอินไทยแลนด์เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา 

เกริ่นนิดหน่อยนะครับเผื่อใครเกิดไม่ทัน มาว่ากันที่เพลงตังเก ที่กล่าวว่าเป็นเพลงที่ดีที่สุดของน้าหมูเพราะ ดนตรี เสียงร้อง เนื้อร้อง กลมกลืนอย่างลงตัว เสียงดนตรีที่เหมือนงานแห่นาคเข้าโบสถ์โดนใจคอเพื่อชีวิตอย่างจัง เสียงร้องที่น่ารักหน้าชังฟังแล้วไม่มีเบื่อ ทีนี้ลองมาว่ากันเรื่องเนื้อร้องนะครับ

เล่าเรื่องเกิดที่ไหน ไปไหน ทำอะไร รู้สักยังไง ครบรส รัก เศร้า คิดถึง หวัง อีกทั้งสัมผัสนอกในมีให้เห็นทั้งเพลงยิ่งเพิ่มความไพเราะน่าฟังเข้าไปอีก ยกบางท่อนของเพลงมาดูนะครับ 


“ฉันเกิด อยู่แดน อีสาน ถิ่นกันดารที่เขา ดูหมิ่น ดูแคลน
จากไกลไปหากินต่างแดน ก็อาลัยแสนเมื่อจำต้องพรากบ้านมา”
ขึ้นเพลงมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ถิ่นอีสานบ้านเฮา ไม่มีงานให้ทำจำต้องย้ายไปหางานที่ภาคใต้
( ซึ่งต่อมาในปี 2539 น้าหมูได้ออกเพลง สถาพร คนใต้ย้ายมาทำงานภาคอีสานบ้าง )

” จากไกลไปหากินต่างแดน ก็อาลัยแสนเมื่อจำต้องพรากบ้านมา “
คิดถึงบ้านจังเลย

“ไม่ได้จับไถ เลยไปจับปลา ไม่ได้ทำนา เลยมากับ เรือ ตังเก”
ท่อนนี้เล่นคำหน้าหลังใช้คำเดียวกัน ลองร้องดูซิครับเพราะดี

” คิดถึงแม่ ที่เคยไกวเปล โอ้เปลน้อย คือเรือตังเก มีแม่ทะเล กล่อมนอน แรงแรง”
เปรียบเปรยเปลที่แม่ไกวกับเรือที่โล้ไปโล้มา ทะเลเป็นแม่กล่อมลูกที่เป็นเรือ ( คิดได้ยังไง ) 

” แม่ โมโหใครมา หรือเป็นตำรา ให้ลูกแข็งแกร่ง
ลูก ขอปู ขอปลา มากมากเถิดหนา พอเป็น ค่าแรง “
พอเรือเรื่อมโคลงมากลูกก็ไม่โกรธกลับคิดเป็นบททดสอบชีวิต แต่ขอสักหน่อย

” ทะเล มันถมไม่เต็ม เหมือนคนใจเค็ม ที่คอยยื้อแย่ง
คนจน ก็ถมไม่เต็ม แต่ใจไม่เค็ม ทำงานเข้มแข็ง “
อันนี้ก็ตำหนิ( คาดว่าเป็นเถ้าแก่เจ้าของเรือที่ให้ค่าแรงน้อย )นิดหน่อยพอหอมปาก หอมคอ

” อยากมีเรือสักลำ จะพาคนงามที่คิด จะแต่ง
ลอย ล่อง ลำ นาวา ให้ปลาอิจฉา เวลา คลื่น แรง “
คงไม่มีใครอยากเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิต อยู่กลางทะเลมันเหงาๆก็คิดถึงแฟนเป็นธรรมดา เวลาคลื่นแรงๆเรือจะโต้คลื่นไงครับหนุ่มสาวที่อยู่บนเรื่อก็จะโอนไปเอนมาหนุมก็กอดกันไม่ให้ล้ม มันน่าอิจฉาไหมละ

เป็นความชอบส่วนตัวเลยขออนุญาติถ่ายทอดความรู้สึก และมุมมองที่มีต่อเพลงที่ผมคิดว่าดีที่สุดของน้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ เผื่อเพลงนี้จะเป็นต้นแบบวิธีคิดในการเขียนเพลงเพื่อชีวิตเพลงอื่นๆต่อไป อยากฟังเพลงเพื่อชีวิตเพราะๆครับ

เพลงตังเกอยู่ในชุดคนจนรุ่นใหม่ ปี พ.ศ. 2533
ใครที่ยังไม่เคยฟังเพลงนี้ลองหามาฟังนะครับ เพลงเค้าเพราะจริงๆ

Be the first to leave a reply

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *